All-New Civic Hatchback 2017
ทรงสปอร์ตยั่วใจเผยกำลังเต็มที่

LINE it!

     แค่รู้ข่าวว่าทางฮอนด้าจะนำซีวิค แฮทช์แบ็คมาขายก็เล่นเอาหลายคนที่ชื่นชอบรถสไตล์นี้ต่างรอคอย และล่าสุดได้ปล่อยทีเด็ด   All-New Honda Civic Hatchback ปี 2017 มาให้ยลโฉมกัน ซึ่งได้รับการดีไซน์ให้สปอร์ตต่างไปจากรุ่นซีดานอย่างเห็นได้ชัดให้ทั้งความเฉี่ยวดุดัน เช่นเดียวกับภายในที่ปรับแต่งทันสมัย ขณะที่ขุมพลังอาศัยเครื่องเบนซินเทอร์โบ 1.5 ลิตรที่สามารถตอบสนองอารมณ์ในการขับขี่ได้อย่างใจ และช่วงล่างที่ให้ทั้งความนุ่มนวลผสานกับความหนึบแน่นในทุกเส้นทาง  

    มาถึงวันนี้ต้องใช้เวลา 20 กว่าปี ทางค่ายฮอนด้าถึงจะนำฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็คใหม่มาขาย เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่ปล่อยฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็คปี 1993 หรือที่เรียกว่า ซีวิค 3 ดอร์ออกมาขายก็ไม่ได้นำรถสไตล์นี้มาขายอีกเลย ทั้งนี้จะด้วยเหตุผลใดก็ไม่ทราบได้ ในขณะที่เมืองนอกก็มีรุ่นแฮทช์แบ็คออกมาขายตั้งแต่เจเนอเรชั่นที่ 2  แต่สำหรับฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็คใหม่นี้จะมีขายเฉพาะรุ่น 1.5 เทอร์โบเท่านั้น เพื่อเน้นความเป็นสปอร์ตแบบเต็มตัว 



มาดเฉี่ยวดุดันเท่ด้านท้าย     

     รูปทรงภายนอกของ Honda Civic Hatchback 1.5 Turbo นั้นมาพร้อมไฟหน้าแบบ Full LED ไม่ว่าจะเป็นไฟต่ำ, ไฟสูง และ ไฟเลี้ยว  พร้อมด้วย Daytime Running Light และ ไฟตัดหมอก พอมาที่กระจังหน้าเน้นสีดำเงาแบบเดียวกับรุ่น Turbo RS  ขณะที่กันชนหน้าจะเห็นว่าแตกต่างจากซีดานได้รับการถูกออกแบบใหม่เฉพาะรุ่นนี้  โดยทำเป็นช่องทรงเหลี่ยมติดตะแกรงทรงรังผึ้งสีดำและยังออกแบบให้กันชนยื่นออกมามากขึ้น



     ส่วนด้านข้างบริเวณซุ้มล้อหน้าได้ติดไฟหรี่แบบ LED โคมขาวหลอดไฟสีส้ม  และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ดีไซน์สไตล์ห้าก้านใบพัดแบบเดียวกับซีวิคเทอร์โบรุ่นซีดาน พร้อมยางขนาด 215/50 R17  โดยซุ้มล้อทำเป็นโป่งสันยื่นออกมารับกับล้อได้อย่างลงตัว ส่วนกระจกมองข้างแบบมีไฟเลี้ยวในตัว ประตูคู่หน้ายกชุดมาจากรุ่นซีดานเป๊ะๆ ขณะประตูคู่หลังแตกต่างจากรุ่นซีดานเล็กน้อย เพื่อให้เข้ากับกระจกโอเปร่าด้านท้าย ส่วนเสา D-Pillar ถูกออกแบบให้มีความหนาพอสมควร



   มาที่ด้านท้ายของ Honda Civic Hatchback 1.5 Turbo  เป็นจุดขายของรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ ไฟท้ายเป็นแบบ LED รูปทรงตัว C ออกแบบลากยาวขึ้นไปจรดกับสปอยเลอร์สีดำ ขณะที่กันชนหลังออกแบบให้เข้ากับกันชนหน้าในสไตล์ตะแกรงทรงรังผึ้งสีดำรับกับกันชนหน้า ขอบล่างของกันชนออกแบบให้มีลิ้นสปอยเลอร์ในตัว ขณะที่ท่อไอเสียแบบคู่ถูกติดตั้งแยกไว้ทั้ง 2 ข้าง แต่แอบซ่อนไว้ในกันชน

ภายในทันสมัยอารมณ์สปอร์ต

     ภายในห้องโดยสารของฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็คใหม่ได้รับออกแบบด้วยโทนสีดำให้กว้างขวางไม่ต่างจากรุ่นซีดาน โดยแผงคอนโซลหน้าติดตั้งหน้าจอเครื่องเสียงแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว Advanced Touch สามารถรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth พร้อมพอร์ต USB จำนวน 2 ช่อง และ HDMI มาให้ 1 ช่องแอบซ่อนอยู่ใต้แผงคอนโซล ขับกำลังเสียงผ่านลำโพงทั้งหมด 8 จุดรอบคัน และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ สามารถปรับอุณหภูมิแยกซ้าย-ขวาได้เย็นสบายได้อย่างทั่วถึง



     ส่วนมาตรวัดความเร็วเป็นแบบหน้าจอ TFT ขนาดใหญ่ สามารถแสดงข้อมูลการขับขี่ได้หลากหลาย และมีอัตราการบูสต์ของเทอร์โบแบบเรียลไทม์ได้ด้วย ตัวเลขออกแบบให้อ่านง่ายและชัดเจน ขณะที่พวงมาลัยสไตล์ 3 ก้านแบบเดียวกับรุ่นซีดาน พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงทางฝั่งซ้าย และปุ่มควบคุมระบบ Cruise Control ทางด้านขวา พร้อมติดตั้งแป้น Paddle Shift สำหรับเปลี่ยนเกียร์แบบแมนนวลได้ 
 


     ด้านความสะดวกสบายกระจกคู่หน้าสามารถเลื่อนขึ้นสุด-ลงสุดได้อัตโนมัติ แต่กระจกคู่หลังยังคงต้องกดค้างไว้เช่นเคย โดยฝั่งผู้โดยสารด้านหน้ายังมีปุ่มควบคุมระบบเซ็นทรัลล็อคมาให้ด้วย ขณะที่เบาะนั่งถูกหุ้มด้วยหนังแท้สลับหนังสังเคราะห์ โดยเบาะคนขับสามารถปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง ส่วนผู้โดยสารปรับไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง พร้อมกับพนังพิงเบาะมีขนาดใหญ่และกว้างพอสามารถรองรับหลังได้อย่างสบาย และระหว่างเบาะหน้า-หลังยังมีพื้นที่วางขาให้นั่งอย่างสบาย ขณะที่เบาะนั่งด้านหลังสามารถปรับพับแยกแบบ 60:40 ได้ มีพนักพิงศีรษะปรับระดับได้ 2 ตำแหน่ง 



     และที่วางแขนระหว่างเบาะนั่งคู่หน้าสามารถเลื่อนแผงเปิด-ปิดได้ หากเปิดขึ้นมาจะใช้เป็นช่องวางแก้วน้ำและที่เก็บของขนาดใหญ่ ขณะที่ตัวคอนโซลกลางออกแบบให้มีความสูงพอควรสามารถใช้วางแขนได้และมาพร้อมกับหัวเกียร์ที่จับกระชับมือใส่ถุงหุ้มด้ามเกียร์แบบด้ายคู่เท่ไม่เบา และยังมีสวิตช์ควบคุมระบบเบรกมือไฟฟ้าและระบบ Auto Brake Hold ที่ช่วยเบรกค้างให้ขณะจอดติดไฟแดง โดยที่ไม่ต้องเหยียบเบรกเอง รวมถึงปุ่มควบคุมระบบประหยัดน้ำมัน ECON มาให้ด้วย

     มาที่ห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายมีขนาดใหญ่พอที่จะวางกระเป๋าเดินทางไซส์ใหญ่ได้อย่างสบาย พร้อมกับกระเป๋าขนาดเล็กได้ด้วย และด้านท้ายยังมีแผงปิดห้องสัมภาระด้านท้ายแบบพับเก็บได้ในตัว ซึ่งออกแบบให้มีลักษณะรูดออกทางด้านข้าง ช่วยปิดไม่ให้คนภายนอกมองเห็นสัมภาระที่อยู่ด้านท้าย



     สำหรับระบบความปลอดภัยได้รับการติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้ากับถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยพร้อมเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดทั้ง 5 ตำแหน่ง โดยมีระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้โดยสารด้านหน้า ส่วนระบบเสริมในการขับขี่มีให้ครบไม่ว่าจะเป็น ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA กับระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Start Assist  และระบบเบรก ABS กับระบบกระจายแรงเบรก EBD  รวมถึงระบบกล้องมองหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับกับสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ ESS และจุดยึดสำหรับติดตั้งเบาะนั่งเด็ก 

ขับสนุกแรงได้ใจหนึบแน่น 

     มาที่ขุมพลังของ Honda Civic Hatchback เป็นเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBOใหม่ ใช้เทคโนโลยีหัวฉีดไดเรคท์ อินเจคชั่น  พร้อมเพิ่มพลังด้วยเทอร์โบชาร์จเจอร์ สามารถให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที กับแรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 - 5,500 รอบต่อนาที พร้อมเกียร์อัตโนมัติ CVT ใหม่



    ในการทดสอบรถ  All New Honda Civic Hatchback 1.5 Turbo จัดเป็นกรุ๊ปเล็กมีรถให้ทดสอบจำนวน 5 คัน ซึ่งเป็นการขับแบบสบาย ๆ นอกเมือง ไม่เน้นขับทางไกลมาก เพราะเริ่มการทดสอบจากตัวเมืองหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เพื่อไปยังเขื่อนแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี รวมไป-กลับประมาณ 200 กว่ากม. ซึ่งพอจะช่วยให้รับรู้ถึงสมรรถะหลาย ๆ ด้านของรถรุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี     

    สำหรับฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็คใหม่ปี 2017 นี้จุดขายที่น่าสนใจอยู่ที่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ง่ายด้วยรีโมท โดยเริ่มจากการกดปุ่มล็อครถ 1 ครั้ง ตามด้วยปุ่มรูปลูกศรกลมค้างไว้จนกระทั่งไฟฉุกเฉินกระพริบ 1 ครั้งแล้วจึงปล่อย เครื่องยนต์จะติดขึ้นเองพร้อมกับระบบปรับอากาศ ช่วยลดอุณหภูมิภายในห้องโดยสารก่อนขึ้นรถ ซึ่งขณะที่เครื่องยนต์กำลังติดอยู่นี้ ประตูรถจะยังคงถูกล็อคไว้คนอื่นไม่สามารถเข้ามาในรถได้ ยกเว้นเจ้าของรถที่มีกุญแจอยู่กับตัว



     ก่อนที่จะทดสอบรถ All New Honda Civic Hatchback 1.5 L มาสัมผัสแบบใกล้ชิดกันก่อน ซึ่งต้องยอมรับว่าหน้าตาดูดุดันกว่ารุ่นซีดาน และเด่นด้วยบั้นท้ายที่แตะตากว่าใครที่ออกแบบให้ไฟท้ายต่อเชื่อมกับสปอยเลอร์หลังได้อย่างน่ามอง และที่สำคัญยังติดแก๊ปหลังคาหลังให้ดูสปอร์ตยิ่งขึ้น  แต่ถูกใจสุดน่าจะขุมพลังเครื่องขนาดเล็กแต่พ่วงด้วยเทอร์โบ เพราะรับรู้ถึงสมรรถนะได้ตั้งแต่ช่วงออกตัว รอบกลางและตีนปลาย ซึ่งไม่ว่าใครมาขับก็ต้องชื่นชอบกับขุมพลังที่ให้มาและคล่องตัวยิ่งขึ้นด้วยช่วงล่างที่เซ็ทมาอย่างลงตัว 



     ในการทดสอบรุ่นนี้แค่ออกตัวก็รับรู้ได้ทันทีว่าสมรรถนะมาในแบบจัดเต็ม เพราะแค่กดคันเร่งตัวรถก็พุ่งขึ้นหน้าได้อย่างทันใจแล้วด้วยแรงบิด 220 นิวตันเมตรที่มาตั้งแต่รอบต่ำแค่ 1,700 รอบ สามารถลากน้ำหนักตัวรถให้วิ่งฉิ่วได้ง่าย ๆ และเมื่อกดคันเร่งมากขึ้นยังเรียกกำลังให้ออกมาได้ทันที โดยลากรอบราว 2,000 กว่ารอบก็เพียงพอที่จะช่วยให้อัตราเร่งมาได้อย่างต่อเนื่อง สามารถไต่ระดับความเร็วได้ไวแบบรู้สึกได้แป๊บเดียวขึ้นมาที่ 100 กม./ชม.ที่ 1,800 รอบได้อย่างสบาย          

     และไม่ว่าจะเร่งความเร็วช่วงไหนก็ทำได้ตลอดเวลาระหว่าง 80-120 กม./ชม.จับเวลาแค่อึดใจเดียวขึ้นมาถึงแล้ว เรียกว่าพลังจากเทอร์โบเป็นตัวช่วยที่สำคัญ จึงทำให้การตอบสนองทำได้ดี เช่นเดียวกับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT สมัยใหม่ที่ให้จังหวะการเปลี่ยนเกียร์ที่นุ่มนวลและลื่นไหล ส่งผลให้เกียร์เปลี่ยนได้ฉับไวอย่างต่อเนื่องเลยทำให้สามารถเรียกกำลังออกมาได้ทันที



    ในช่วงจังหวะการเร่งแซงรถคันอื่น ที่มีอยู่บ่อยครั้งกับเส้นทางสองเลนแบบสวนทางไปกลับ เพราะเมื่อเจอกับรถข้างหน้าที่วิ่งช้าแบบขับรถชมวิวก็ต้องจัดการแซงทันที ซึ่งถ้าเร่งมาอย่างต่อเนื่องกำลังมีมากพอที่วิ่งผ่านไปได้เลย แต่บางครั้งหาจังหวะแซงไม่ได้เพราะเจอรถสวนมาก็ต้องมาขับจ่อท้าย จึงต้องเชนเกียร์ที่แพดเดิ้ลชิฟช่วยในขณะที่อยู่โหมด D ก็สามารถเปลี่ยนเกียร์ได้ เลยช่วยเรียกแรงบิดให้เพิ่มขึ้นสามารถเร่งแซงได้ทันที 



     แต่ถ้าต้องการจะเรียกกำลังให้ได้มากกว่านั้นต้องหันมาใช้โหมด S  ที่สามารถเปลี่ยนใช้งานได้เลยเพราะจะช่วยให้ลากรอบได้ลื่นไหลมากขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับรอบเครื่องที่สูงเพิ่มขึ้นที่ความเร็ว 100 กม./ชม.อยู่ที่ 2,200 รอบ ยิ่งกินน้ำมันมากขึ้น เอาเป็นว่าใช้เฉพาะบางช่วงจะดีกว่า แต่ถ้าจะให้ดีหันมาใช้แบบแมนน่วนเปลี่ยนเกียร์เองโดยเข้าไปที่โหมด S พร้อมกับใช้แพดเดิ้ลชิฟไปด้วย ซึ่งรอบเครื่องไม่ต่างโหมด D  แต่ช่วยให้ขับสนุกมากยิ่งขึ้น โดยลากรอบประมาณ 2,500 รอบจะรับรู้ได้เลยว่ากำลังในแต่ละเกียร์ออกมาแบบเต็ม ๆ      

     ทางด้านช่วงล่างของรุ่นนี้ด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท ส่วนด้านหลังแบบมัลติลิงค์  ที่ผสมผสานกับระบบช่วยควบคุมการทรงตัว(VSA)  ยิ่งทำให้มีประสิทธิภาพมั่นใจมากขึ้น ซึ่งได้รับการเซ็ทช่วงล่างให้มีทั้งความนุ่มนวลพอตัวกับความหนึบแน่นมาอย่างลงตัว โดยช่วงที่วิ่งทางตรงด้วยระดับความเร็วประมาณ 150 กม./ชม.จะให้รู้สึกได้ถึงความนิ่งใช้ได้และนั่งสบาย ยกเว้นว่าไปเจอกับถนนคอนกรีตจะมีเสียงบดถนนให้ได้ยินบ้าง 



     ขณะเดียวกันฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็คใหม่นั้นได้รับการเซ็ทช่วงล่างมาให้มีความแข็งขึ้นกว่าในรุ่นซีดาน ทำให้เวลาเข้าโค้งกว้างๆสามารถเร่งความเร็วเข้าได้อย่างมั่นใจเพราะให้ความหนึบแน่นเกาะถนนได้อย่างน่าพอใจ แต่ถ้าเจอถนนขุรขระก็รู้สึกได้ถึงความสะเทือนอยู่พอสมควร ซึ่งพอรับได้เพื่อแลกกับการทรงตัวที่ดี ในเวลาวิ่งทางตรงเร็ว ๆ ก็นิ่งได้ใจหรือแม้จะเจอกับทางโค้งแคบก็หายห่วง         

     ส่วนพวงมาลัยแบบมัลติฟังชันท์ที่มีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงช่วยให้ใช้งานง่าย เพราะเวลารถวิ่งเร็ว ๆเครื่องเสียงจะดังขึ้นตามความเร็วของรถก็สามารถลดระดับเสียงได้ทันที กับปุ่มครูซคอนโทรลที่ใช้งานได้ทันทีเวลาที่ไปทางไกลช่วยให้ขับสบายขึ้น และที่สำคัญพวงมาลัยเป็นแบบไฟฟ้าสามารถควบคุมได้อย่างแม่นยำให้น้ำหนักในการหมุนได้อย่างเหมาะมือ เวลาวิ่งเร็วจะหนักมือขึ้นจึงช่วยให้จับได้กระชับมือ ทำให้เวลาเลี้ยวและเข้าโค้งทำได้อย่างคล่องตัว หรือเวลาอยู่ในเมืองถ้าวิ่งช้าจะหมุนลื่นช่วยให้ขับซิกแซกได้อย่างสบาย 



     ปิดท้ายด้วยเสียงรบกวนจากภายนอกที่เข้ามาภายในห้องโดยสาร ต้องยอมรับว่าฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็คใหม่สามารถเก็บเสียงได้ดีเป็นที่น่าพอใจ ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ขับด้วยความเร็วสูงประมาณ 120 กม./ชม.ก็ไม่ค่อยได้ยินเสียงลมเข้ามาภายในห้องโดยสารสักเท่าไหร่ ทั้งนี้คงมาจากรูปทรงที่ลู่ลมกับฉนวนป้องกันเสียงที่ดี หรือแม้แต่เสียงจากยางบดถนนไม่ค่อยดังขึ้นมาเท่าไหร่จะมีแค่เฉพาะช่วงเจอกับถนนคอนกรีตที่พอได้ยินอยู่บ้างแต่ไม่เป็นไรอาศัยเครื่องเสียงคุณภาพดีลำโพงแปดทิศทางแค่ต่อกับ Flash Drive ก็สามารถให้เสียงเบสทุ่มน่าฟัง..เสียงเพราะได้อารมณ์เลยไม่ค่อยสนใจเสียงจากภายนอกเท่าไหร่  

     สรุปโดยรวมแล้วฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็คใหม่ปี 2017 น่าจะโดนใจใครหลายคน เพราะมีรูปทรงสปอร์ตเฉี่ยวดุดันเร้าใจ และภายในหรูทันสมัยกว้างนั่งสบายอย่างลงตัว พร้อมฟังชันท์การใช้งานง่ายและให้ความสะดวกสบายมากขึ้น ที่สำคัญขุมพลังตอบสนองได้ดังใจในทุกอัตราเร่งพร้อมช่วงล่างเยี่ยม แถมยังพกความประหยัดมาให้ด้วย พร้อมกับราคา 1,169,000 บาท 

แกลเลอรี่ :

คำค้น : All-New Civic Hatchback 2017 , เปิดตัวรถ All-New Civic Hatchback ปี 2017 , แนะนำรถ All-New Civic Hatchback ปี 2017 , รถฮอนด้าใหม่ Civic Hatchback 2017 , ข่าวเปิดตัว Civic Hatchback 2017 , ทดสอบรถ All-New Civic Hatchback ปี 2017 , ลองขับรถ All-New Civic Hatchback ปี 2017 , รีวิวทดสอบรถ All-New Civic Hatchback ปี 2017 ,ข่าวรถฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็คใหม่ , ลองขับรถฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็คใหม่ , แนะนำรถฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็คใหม่ , รีวิวทดสอบรถฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็คใหม่ปี 2017 , ทดสอบลองขับรถฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็คใหม่ ,เทสต์รถฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็คใหม่, เทสต์ไดร์รถฮอนด้า ซีวิค แฮทช์แบ็คใหม่